หลวงพ่อโต ( หลวงพ่อร้องไห้ )
บทความวันก่อนผู้เขียนได้แนะนำท่านผู้อ่านไปเที่ยววัดหน้าพระเมรุ เมืองกรุงเก่า
ซึ่งมีประวัติศาสตร์เป็นวัดเดียวที่รอดพ้นจากการเผาทำลายของข้าศึกมาได้ เมื่อสงคราม
คราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ.๒๓๑๐
เชื่อกันว่าอาศัยบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของพระประธานในพระอุโบสถ "พระพุทธนิมิตฯ "
ช่วยบันดาลให้ปืนใหญ่ที่พระเจ้าอลองพญา แห่งกรุงหงสาวดี นำมาตั้งยิงหน้าวัด แตกระเบิด
ต้องพระองค์บาดเจ็บถึงสาหัส เมื่อวัน ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๖ ปี พ.ศ.๒๓๐๓ จึงต้องเลิกทัพกลับและ
สิ้นพระชนม์ลงระหว่างการเดินทางกลับหงสาวดี
ครั้นถึงสงคราม ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ พวกข้าศึกจึงคร้ามไม่กล้าเผาทำลายวัดหน้าพระเมรุ
ซึ่งในสงคราม ปี พ.ศ. ๒๓๐๒-๒๓๐๓ นั้นเอง ประวัติศาสตร์ได้จารึกวีรกรรมของนักรบ
ชาวแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ซึ่งเป็นกองอาสาอาทมาต จำนวน ๔๐๐ คน กล้าหาญอาสาต่อกร
กับข้าศึกพม่านับหมื่นคน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง
รบกันที่หาดหว้าขาว พื้นที่บ้านทุ่งหมากเม่า ตำบลอ่าวน้อยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
( ในปัจจุบัน ) เมื่อปี พ.ศ.๒๓๐๒ โดยรบแบบกองโจรต้านทัพพม่าไว้ได้เป็นเวลานาน ในที่สุด
ขาดกำลังสนับสนุน จึงถูกล้อมถูกต้อนลงทะเลอ่าวหว้าขาว พลีชีพสิ้นหมดทั้ง ๔๐๐ คน
เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๐๒ พระเจ้าอลองพญาเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอยู่ในช่วงผลัดแผ่นดิน
มีความวุ่นวายในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ต้องการหยั่งเชิงหลังจากเกรงกลัวพระราชอำนาจของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มานานแสนนาน
อาศัยเหตุว่ามีชาวมอญ อพยพหนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พม่าอ้างว่าเป็นกบฏ
หนีมา จึงหาเหตุส่งมังระ ราชบุตรองค์ที่ ๒ กับมังฆ้องนรธา คุมทัพแปดพัน ตีหัวเมืองทางใต้
มีทะวาย มะริดและตะนาวศรี และเดินทัพเข้าทางด่านสิงขร
ในเพลานั้นมีครูดาบขมังเวทย์ชาวอ่างทองชื่อครูดาบชู เป็นรองปลัดกรมเมือง
วิเศษไชยชาญ ชาวบ้านเรียกว่าขุน ( รองปลัด ) ชู เมื่อทราบข่าวศึกจึงรวบรวมชายฉกรรจ์
ชาวแขวงเมืองวิเศษไชยชาญได้จำนวน ๔๐๐ คน เดินทางเข้ามาอาสารับศึกพม่า
พระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดให้พระยา ยมราช เป็นแม่ทัพคุมกำลัง สามพันและ
พระยารัตนาธิเบศร์ คุมทัพหนุน สองพันไปสกัด โดยมีกองอาสาอาทมาตเป็นหน่วยรบพิเศษ
มีขุน (รองปลัด ) ชู กรมเมืองวิเศษไชยชาญเป็นหัวหน้า ไปตั้งรับทัพพม่าที่เมืองกุย
พระยารัตนาธิเบศร์ มีคำสั่งให้กองอาสาอาทมาต นำกำลังไปตั้งสกัดทัพพม่าที่อ่าว
หว้าขาว บ้านทุ่งหมากเม่า ตำบลอ่าวน้อย เหนือศาลาว่าการจังหวัดประจวบค่รีขันธ์ในปัจจุบัน
ทำการรบแบบกองโจรฆ่าฟันพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีวิชาอาคม
คงกระพันฟันแทงไม่เข้า ต้านทานยั้งทัพทัพพม่าได้เป็นเวลานาน จนกระทั่งพม่าต้องใช้
ทัพหนุนซึ่งมีจำนวนมากกว่าเป็นอันมาก ใช้ทัพช้างเข้าไล่ต้อนนักรบชาวเมืองวิเศษไชยชาญ
ลงทะเลอ่าวหว้าขาว พลีชีพทั้งหมด ๔๐๐ คน สังเวยชีวิตเพื่อชาติไม่มีผู้ใดรอดมาได้แม้แต่
คนเดียว เนื่องด้วยข้าศึกมีจำนวนนับหมื่น
ทัพหนุนซึ่งมีจำนวนมากกว่าเป็นอันมาก ใช้ทัพช้างเข้าไล่ต้อนนักรบชาวเมืองวิเศษไชยชาญ
ลงทะเลอ่าวหว้าขาว พลีชีพทั้งหมด ๔๐๐ คน สังเวยชีวิตเพื่อชาติไม่มีผู้ใดรอดมาได้แม้แต่
คนเดียว เนื่องด้วยข้าศึกมีจำนวนนับหมื่น
เป็น ๔๐๐ นักรบที่ถูกลืมกับวีรกรรมหาญกล้าที่อ่าวหว้าขาว
หลังจากพม่าผ่านอ่าวหว้าขาวไปได้ก็ไม่มีหัวเมืองใดขัดขวางทัพพม่า พากันยอมแพ้ทั้งหมด
ทั้งกุยบุรี เพชรบุรี ราชบุรี เข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้โดยง่าย
หลังจากพม่าผ่านอ่าวหว้าขาวไปได้ก็ไม่มีหัวเมืองใดขัดขวางทัพพม่า พากันยอมแพ้ทั้งหมด
ทั้งกุยบุรี เพชรบุรี ราชบุรี เข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้โดยง่าย
เป็นสงครามต่อเนื่องกันมาจนเกิดเหตุปืนใหญ่แตก ระเบิดต้องพระเจ้าอลองพญา
ที่วัดหน้าพระเมรุ ได้รับบาดเจ็บถึงสาหัสและสิ้นพระชนม์ลงระหว่างเลิกทัพกลับหงสาวดี
ดังที่ผู้เขียนได้เล่ามาแล้วข้างต้น
ดังที่ผู้เขียนได้เล่ามาแล้วข้างต้น
ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๓๐๘ พม่ายกทัพมาใหม่จนเกิดวีรกรรมอันลือลั่นของชาวบ้าน
บางระจัน เหนือแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ โดยมีชาวเมืองวิเศษไชยชาญอาสาไปร่วมรบด้วย
เช่นเดิม
บางระจัน เหนือแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ โดยมีชาวเมืองวิเศษไชยชาญอาสาไปร่วมรบด้วย
เช่นเดิม
ปี พ.ศ.๒๓๑๐ พม่าทุ่มกำลังทัพจำนวนมากเข้าล้อมตีค่ายบางระจันจนแตก
ชาวบ้านบางระจันพลีชีพทั้งหมดในการรบอีกเหมือนเดิม หลังจากนั้นทัพพม่าได้ยกเข้าตี
กรุงศรีอยุธยาจนแตกพ่ายแต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืน
มาได้ภายเวลาไม่กี่เดือน
ชาวบ้านบางระจันพลีชีพทั้งหมดในการรบอีกเหมือนเดิม หลังจากนั้นทัพพม่าได้ยกเข้าตี
กรุงศรีอยุธยาจนแตกพ่ายแต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืน
มาได้ภายเวลาไม่กี่เดือน
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๓๑๓ หลังจากที่ชาวเมืองวิเศษไชยชาญที่ได้สูญเสีย
ญาติมิตร พี่น้องลูกหลานและสามีอันเป็นที่รักในกองอาสาอาทมาตในสงครามอ่าวหว้าขาว
ไม่ได้กลับมาแม้แต่คนเดียว เกิดความโศกเศร้าเฝ้ารอไม่เป็นอันกินอันนอนไม่มีกำลังใจ
ที่จะทำมาหากิน
จึงได้ร่วมกันสร้างวัดสี่ร้อย ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำน้อยด้านทิศตะวันตก ทางตอนใต้
ของตัวเมืองวิเศษไชยชาญ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ดวงวิญญาณเหล่านักรบผู้กล้าในกองอาสา
ทั้งสี่ร้อยคน ณ ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
ภายในวัดมีพระพุทธรูปปางป่าเลไลก์ สูงถึง ๒๑ เมตร หน้าตักกว้า ๖ เมตรเศษ
ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อโต หรือหลวงพ่อร้องไห้ เป็นข่าวใหญ่ตามหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อ ปี
พ.ศ. ๒๕๓๐ มีน้ำสีคล้ายสีเลือดไหลเหมือนหลวงพ่อร้องไห้ ประกอบกับชาวบ้านให้ความ
นับถือในความศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาช้านาน เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง มีงานไหว้พระหลวงพ่อโต
ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ( ลอยกระทง ) ของทุกปี
บริเวณลานหน้าวัดสี่ร้อยมีอนุสาวรีย์ขุนรองปลัดชู เป็นนอนุสรณ์แด่วีรกรรมของ
นักรบผู้กล้า กองอาสาอาทมาตทั้ง ๔๐๐ ดวงวิญาณ เป็นบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อและ
ชีวิต เพื่อรักษาผืนแผ่นดินเกิดอันเป็นที่รักยิ่งไว้ให้ลูกหลาน ได้อยู่ดีมีสุขกันสืบมา
หากไม่มีวีรกรรมของเหล่าบรรพบุรุษผู้กล้า ๔๐๐ ท่าน ก็คงจะไม่มีวีรกรรมของ
ชาวบ้านบางระจัน เพราะจะสิ้นชาติไปเสียก่อนแล้ว
การเดินทางจากพระนครศรีอยุธยา เลาะริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปอำเภอป่าโมกเลี้ยว
ซ้ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงไปข้ามแม่น้ำน้อย เลี้ยวขวาเลาะริมแม่น้ำน้อยฟากตะวันตก
ขึ้นเหนือไปไม่ไกล การเดินทางถือว่าสะดวกสบายมาก
กราบหลวงพ่อโต อุทิศส่่วนกุศลให้บรรพบุรุษ อดนึกวาดภาพไม่ได้ว่าถ้าวันนี้เรา
ไม่มีชาติไทย เราก็คงไม่ตาย เราก็คงต้องถูกอังกฤษปกครองเป็นร้อยปี แล้วพวกเราอาจต้อง
ล่องเรือแบบชาวโรฮิลญา ผู้เขียนก็นึกเส้นทางลอยเรืออพยพไปอยู่ประเทศที่สาม.......
ล่องเรือแบบชาวโรฮิลญา ผู้เขียนก็นึกเส้นทางลอยเรืออพยพไปอยู่ประเทศที่สาม.......
พี่น้องกรุณาช่วยคิดหน่อย..ลอยไปไหนดี..ไปเกาะกงกันมั๊ยครับ...สวัสดี...
...............&&&&&&&&&&&&&&&...............
credit : www.pixpros.net
www.gotoknow.org